อาหารสำหรับลูกน้อย

สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์สูงสุดของลูกน้อย
     ลูกควรมีสุขภาพดีตั้งแต่เด็ก ทำไมต้องวัย 3-5 ขวบเป็นช่วงที่มีบทบาทต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของลูกน้อยของเราเลยทีเดียวเอาใจใส่เด็กวัยนี้และพัฒนาการที่สำคัญของช่วงวัยนี้ให้เป็นพิเศษ เราขอเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมสนับสนุนให้ลูกได้รับสารอาหารครบ เพื่อพัฒนาการของลูก

     สารอาหารประเภทโปรตีน : เนื้อสัตว์ นม ไข่ เมล็ดถั่วหรือธัญพืช มีส่วนสำคัญสำหรับการพัฒนาของร่างกายและสมองของเด็กในวัยนี้ รวมทั้งช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย ให้พลังงานและช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย

     สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต : ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน และผลิตภัณฑ์จากข้าว-แป้ง เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยทำให้เด็กวัยนี้มีกำลังและแรงในการเคลื่อนไหว เพื่อประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ได้ตลอดเวลา
     สารอาหารประเภทเกลือแร่ : พืช ผักชนิดต่างๆ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีความต้านทานโรค มักอยู่ในส่วนต่างๆ ของผัก เช่น ใบ ดอก ผล ลำต้น หัวเหง้า นอกจากนี้ใบของผักยังมีไฟเบอร์ใยอาหาร ช่วยในเรื่องระบบการขับถ่าย และสร้างการหมุนเวียนของระบบทางเดินอาหารให้ดียิ่งขึ้น

     สารอาหารประเภทวิตามิน : ผลไม้ต่างๆ ช่วยบำรุงสุขภาพของผิวหนังให้สดใส รวมถึงช่วยให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายเป็นปกติ ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานโรคสูง
     สารอาหารประเภทไขมัน : ไขมันจากพืชและสัตว์ เป็นสารอาหารที่สำคัญ เพราะนอกจากจะให้พลังงานแล้ว ยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และช่วยในเรื่องการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี และวิตามินเค ช่วยป้องกันการกระทบกระเทือนของอวัยวะภายใน
เด็กควรได้รับสารอาหารครบถ้วน เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ

     สารอาหารวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นสำหรับเด็ก
เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็กวัย 3-6 ปี สารอาหารเหล่านี้จะช่วยบำรุงร่างกายและสมอง ทำให้ร่างกายเติบโตอย่างสมวัย มีอะไรบ้างมาดูกันคะ
กรดโอเมก้า 3 หรือ DHA : ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู และอาหารอื่นๆ เช่น นม ไข่ และ เนื้อสัตว์เนื้อแดง DHA เป็นส่วนสำคัญของสมองและ จอประสาทตา ที่ช่วยให้สมองส่วน Cerebral cortex – ทำหน้าที่ด้านความทรงจำ การใช้เหตุและผล การเรียนรู้ ควบคุมกล้ามเนื้อ และสายตาให้พัฒนาเชื่อมโยงกันได้ดี จึงมีผลต่อพัฒนาการทางสมองและการมองเห็น

โฟเลตและวิตามินบี 12 :  พบได้ในตับ เนื้อสัตว์ ไข่แดง กะปิ เต้าเจี้ยวและอื่นๆ มีส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดงแล้ว ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท หากขาดวิตามินบี 12 อาจทำให้เด็กมีความจำสั้น แขนขาอ่อนแรง และมีอารมณ์แปรปรวนได้
โคลีน : จากไข่แดง ตับ เนื้อไก่ หอย นม ผักใบเขียว พืชหัว และผลไม้รสเปรี้ยว – ทำหน้าที่เป็นสารสื่อข่าวและข้อมูลระหว่างเซลล์ในสมอง เพิ่มพลังสมอง
ธาตุเหล็ก : อาหารพวก เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง เพื่อสร้างฮีโมโกลบินซึ่งเป็นสารที่ให้สีของเม็ดเลือดแดง จะเป็นตัวส่งออกซิเจนในเลือดจากปอดไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกายให้แข็งแรง และเอนไซม์ ที่ช่วยในการต่อการเจริญเติบโต การทำงานทางด้านสมองและการเรียนรู้ของเด็กอีกด้วย
ไอโอดีน : พบได้ในอาหารทะเล เกลืออนามัย สารประกอบที่สำคัญของไทรอยด์ฮอร์โมน – ช่วยในด้านการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมอง เด็กที่ขาดธาตุไอโอดีนจะมีการเจริญเติบโตช้า เฉื่อยชา และระดับสติปัญญาต่ำได้
วิตามิน เอ : มีอยู่ในนม ไข่ แครอต ช่วยบำรุงสายตา
วิตามิน บี : จากข้าวซ้อมมือ ถั่ว มันฝรั่ง เป็ดและไก่ ช่วยเผาผลาญอาหาร บำรุงสายตา และบำรุงเลือด
วิตามิน ซี : พบใน ฝรั่ง ส้มเขียวหวาน มะเขือเทศ ช่วยบำรุงผิวพรรณ เลือด และกระดูก
วิตามิน ดี : มีอยู่ในแสงแดดอ่อนๆ ช่วยบำรุงกระดูกและฟันแข็งแรง
วิตามิน อี : มีในถั่วและผักใบเขียว ช่วยให้เลือดรับออกซิเจนและนำไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้ดี
วิตามิน เค : พบในถั่วเหลือง ผักใบเขียว ช่วยทำให้เลือดหยุดไหลหากเกิดบาดแผล

นมที่เหมาะสำหรับเด็กวัย 3-6 ปี
     นมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สำหรับเด็กวัยนี้มาก ควรให้เด็กดื่มนมวัวธรรมดา ทั้งแบบยูเอชที พาสเจอร์ไรซ์ หรือนมถั่วเหลือง เป็นประจำทุกวัน วันละ 2-3 แก้ว เพราะในนมอุดมไปด้วยแคลเซียมและวิตามินหลายชนิด แต่ต้องระวังในเรื่องการแพ้สารแลคโตสที่มีอยุู่ในน้ำนมจากสัตว์ เพราะอาจจะทำให้เด็กมีอาการท้องเสียได้ ดังนั้นทางออกของการดื่มนมอีกประเภทเช่น น้ำนมถั่วเหลือง ที่สามารถเทียบเท่าคุณภาพของโปรตีนในน้ำนม ไข่ และเนื้อสัตว์ได้ แถมไม่มีคอเลสเตอรอลเป็นองค์ประกอบเหมือนกับโปรตีนชนิดอื่น

จะเห็นได้ว่าสารอาหารที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ถ้าเด็กได้รับอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ รวมไปถึงสารอาหารต่างๆ ก็จะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่งผลให้เด็กสามารถนำไปใช้พัฒนาการทางด้านสมอง เจริญเติบโตได้สมวัยมากยิ่งขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็ลองนำความรู้ที่ได้ไปใช้

ความคิดเห็น